เวรกรรม อาจเป็นคำปลอบใจเวลาที่คนเราเจอเรื่องหนักหนาสาหัสในชีวิต แต่ไม่ใช่คำที่ ‘ล้วน-กรวรา อัศวลาภนิรันดร’ จะนำมาใช้เพื่อจำนนต่ออาการของ ‘ซันซัน’ ลูกสาวที่เธอรักดังแก้วตาดวงใจ
วันที่หมอหมอฟันธงว่าลูกสาวมีปัญหาทางการได้ยิน ความเหนื่อยทั้งหมดทำให้คุณแม่อย่างเธอจิตตก แต่นั่นก็เป็นเพียงชั่วแวบเดียว เพราะหลังจากนั้นเธอก็ตั้งปณิธานว่าจะจะสู้ไปพร้อมกับลูก โชคยังดีว่าท่ามกลางแสงมัวหม่น คุณหมอที่รักษาหนูซันซันก็ยังมีข่าวดีมาบอกกล่าวบ้าง
“หมอบอกว่าเรื่องการได้ยินสามารถรักษาหายได้ด้วยการฝังประสาทหูเทียม แต่ซันซันพิเศษกว่านั้น คือเส้นประสาทหูเขาเล็กกว่าปกติ จึงไม่สามารถผ่าได้ ต้องรอให้น้ำหนักขึ้นถึง 6 กิโลกรัมก่อน ซึ่งก็ไม่รู้ว่า เมื่อไหร่ มีอีกวิธีคือฝังประสาทหูที่ก้านสมอง แต่ทั้งโลกเพิ่งมีแค่ 50 ราย อัตราเสี่ยงสูงมาก เมื่อเข้าตาจน ล้วนส่งอีเมลรูปและผลการตรวจไปขอคำแนะนำหมอจากทั่วโลก คิดว่าหากตอบมาสักคนก็ประสบความสำเร็จ ทำให้รู้ว่ายังมีน้ำใจอยู่รอบตัวพร้อมจะหยิบยื่นมาในยามที่ร้องขอ เพราะมีหมออเมริกันที่มีชื่อเสียงตอบกลับมาว่าควรผ่าตัดฝังประสาทหูเทียม
“ล้วนจึงนำมาปรึกษากับหมอที่เมืองไทย ตัดสินใจทำพร้อมกับผ่าตัดเพดานโหว่ กระทั่งซันซัน 8 เดือนก็ยังไม่ชันคอ ตัวอ่อนปวกเปียก พอดีว่าล้วนต้องเดินทางไปดูงานที่เยอรมนี นึกถึงว่าเคยฟังเรื่องราวของคุณวอลเตอร์ ลี ในทีวี เขาพาลูกที่ไม่มีแขนขาไปรักษาที่เยอรมนี จึงเขียนอีเมลไปปรึกษา อย่างน้อยจะได้ทำความรู้จักกับหมอ ซึ่งคุณวอลเตอร์ก็กรุณาแนะนำให้ไปที่มหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์ก
“เมื่อเราได้รับน้ำใจที่ดี จึงอยากตอบแทนน้ำใจนั้นกลับ ด้วยการเสนอตัวทำงานกับมูลนิธิ ZMF (Zy Movement Foundation) ทำให้เราเห็นว่าจากที่ทำเพื่อตัวเองมาตลอด เราสามารถตอบแทนกลับสู่สังคมได้ กลายเป็นว่ายิ่งให้ยิ่งได้ เพราะภรรยาคุณวอลเตอร์ใช้เทคนิค ‘วอลต้า เทอราปี’ นวดน้องซายแล้วดีขึ้น ล้วนจึงเริ่มมีความหวังว่าจะช่วยให้ซันซันเดินได้ ไหม เพราะตอนนั้นเขา 8 เดือน แต่พัฒนาการเท่ากับเด็ก 2 เดือน วันหนึ่งหมอจากเยอรมนีมาดูงานที่ศูนย์สิรินธร ล้วนจึงพาซันซันไปตรวจ เป็นข่าวดีว่าสามารถรักษาได้ จึงเดินทางไปฝึกเทคนิควอลต้าที่เยอรมนี หมอบอกว่าไม่ต้องบังคับให้เด็กเป็นไปตามพัฒนาการ หากเขาพร้อมเมื่อไหร่ จะทำเอง ซึ่งขัดกับที่เคยฝึกจากโรงพยาบาลในเมืองไทย
“ล้วนคิดว่าเราฝึกมาปีกว่าก็ยังไม่เห็นผล หากช้าอีกนิดจะเป็นไร จึงทิ้งที่เรียนทั้งหมดมาเริ่มต้นใหม่ ด้วยการกดจุดเพื่อกระตุ้นการรับรู้ของสมองให้เกิดปฏิกิริยากับกล้ามเนื้อโดยอัตโนมัติ ตอนแรกเขาร้องไห้เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องอยู่เฉยๆ วันละ 4 ครั้ง ล้วนจึงบอกเขาว่าเราต้องช่วยกันนะ หนูจะได้นั่งได้ เดินได้ เขาอาจจะไม่เข้าใจ แต่ก็ให้ความร่วมมือ คิดดู จากที่พาไปฝึกพัฒนาการที่โรงพยาบาลเป็นปี ไม่สามารถชันคอได้ แต่เพียงแค่ 3 เดือน สามารถชันคอได้เลย สักพักตั้งศอกแล้วเริ่มถัดตัวมาข้างหน้า จนสามารถตั้งศอกข้างหนึ่งเพื่อเอื้อมมือไปหยิบของเล่น จนถึงนั่งได้ แม้เป็นตุ๊กตาล้มลุก แต่ก็ทำให้เรามีความหวัง จึงลุยเต็มที่
“พอซันซันผ่าตัดฝังประสาทหูเทียมแล้ว เราก็พาไปฝึกพูด เขาสามารถทำรูปปากได้ แต่ออกเสียงไม่ได้ มิสเตอร์ไป๋ซึ่งเป็นคนแนะนำหมอให้คุณวอลเตอร์ เราเจอเขาที่เยอรมนี แฟนเขาเป็นหมอเชี่ยวชาญทางหู คอ จมูก ได้ตรวจซันซัน พบว่าเส้นประสาทจากหูไปสู่ประสาทส่วนกลางไม่ตอบสนอง จึงไม่สามารถแปรเป็นเสียงได้ กระทั่งเขาอายุ 5 ขวบ เริ่มหงุดหงิด อยากได้อะไรก็บอกไม่ได้ เราเดาถูกบ้าง ไม่ถูกบ้าง ไม่สบายตัว หิว เบื่อ กลัว เป็นอะไรก็สื่อสารไม่ได้ ที่ผ่านมาลูกก็ได้พยายามเต็มที่แล้ว จึงเป็นหน้าที่ที่เราจะช่วยลูกบ้าง
“ล้วนจึงไปถามที่วิทยาลัยราชสุดา มหาวิทยาลัยมหิดล มีเปิดสอนภาษามือหลักสูตรปริญญาตรี 4 ปี แต่กว่าจะสื่อสารกับลูกได้ต้องรอ 4 ปี คงไม่ทันกาล ถึงอย่างไรก็ยังไม่หมดหวัง ลองอ่านหนังสือที่เขาให้มา ซึ่งมีแค่คำว่า สวัสดี ขอบคุณ ขอโทษ หิว อิ่ม ชอบ ไม่ชอบ นับ 1-20 คงไม่พอ ลองเปิดเว็บไซต์ไทยก็พบแต่คำว่า Under Development ลองเสิร์ชหาเว็บภาษาอังกฤษ สะดวกกว่ามาก อยากรู้คำไหนสามารถเปิดดูได้เลย โชคดีว่าภาษามือในภาษาอังกฤษเหมือนกับภาษามือของไทย 52 เปอร์เซ็นต์ ล้วนจึงสมัครออนไลน์ มีซีดีที่เราสามารถเปิดดูเมื่อไหร่ก็ได้ เริ่มต้นล้วนเลือกเรื่องใกล้ตัวที่จะทำให้ชีวิตลูกอยู่รอด เช่น สี ผลไม้ น้ำ นม ข้าว ไข่ คิดว่าจะเตรียมอุปกรณ์การสอนอย่างไร หรือ พาเขาไปเจอสถานการณ์จริงอย่างไร แล้วเรียนรู้ไปกับลูก
“ความที่เขาอยู่ท่ามกลางความเงียบ ทางเดียวที่ลูกจะรับรู้อารมณ์ความรู้สึกได้ก็จากสีหน้า และท่าทางของเรา เพราะฉะนั้นจึงต้องสนุกให้มากกว่าปกติ ตั้งเป้าหมายว่า ใน 1 สัปดาห์จะสอนลูกกี่คำ ซึ่งซันซันไม่ทำให้ผิดหวัง แค่เดือนกว่าเขาสามารถสื่อสารด้วยคำง่ายๆ นับวันก็ยิ่งคุยเก่ง เล่าเรื่องได้
“ตอนนี้ซันซันสามารถเดินโดยใช้ไม้เท้า หมอบอกไม่น่าเกิน 2 ปีจะเดินได้ เขากำลังเรียนเพื่อเตรียมพร้อมเข้าเรียน บวกกับล้วนช่วยสอนลูกที่บ้านด้วย ความที่เขาเป็นเด็กร่าเริงแจ่มใส เราจึงไม่ทุกข์ หาความสุขง่าย ๆ ได้จากสิ่งรอบตัว อยู่กับปัจจุบัน อนาคตจะเป็นอย่างไรไม่รู้ ไม่คาดหวัง พอเขาทำได้ เราแฮ็ปปี้ คุยกับสามีว่า เขาไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร คนทุกคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน
“พัฒนาการเขาอาจช้ากว่า แต่ลูกไม่จำเป็นต้องแข่งกับใคร เขาทำได้แค่ไหนก็ต้องภูมิใจทั้งนั้น ที่สำคัญคืออย่ามัวไปโทษ ‘เวรกรรม’ เพราะมันจะไม่มีอะไรดีขึ้นมาได้เลย”
เรื่อง : แดนเจอร์
ภาพ : โยธา รัตนเจริญโชค
ไม่เคยคิดโทษ เวรกรรม แม้ ‘ซันซัน’ ลูกฉันจะไม่เหมือนใคร (ตอน1)
The post ไม่เคยคิดโทษ เวรกรรม แม้ ‘ซันซัน’ ลูกฉันจะไม่เหมือนใคร (ตอนจบ) appeared first on แพรวดอทคอม.