ครอบครัวของ “ล้วน-กรวรา อัศวลาภนิรันดร” ที่พร้อมพรั่งทั้งทรัพย์สินเงินทอง ความรัก ความอบอุ่น กลับถูกโชคชะตาเล่นตลก เมื่อลูกน้อยเกิดมาไม่สมบูรณ์ เธอไม่โทษ เวรกรรม แต่ทุ่มเทให้ความรักกับเด็กหญิงมากเท่าที่แม่คนหนึ่งจะให้ลูกได้
“ล้วนใจร้อน ไฟแรง งานทุกอย่างต้องเป๊ะ แต่พอเจอเหตุการณ์เรื่องลูก ทำให้รู้เลยว่าเราไม่สามารถคอนโทรลทุกอย่างในชีวิต เพราะพอมีซันซัน (เด็กหญิงกัณชลิตาฐ์ หล่อวัฒนกิจชัย) ชีวิตล้วนช้าลงทันที” คุณล้วนเปิดใจ สายตาที่มองไปยังเด็กหญิงวัย 7 ขวบที่กำลังเกาะผนังเดินเตาะแตะเปี่ยมไปด้วยความรักยิ่งนัก
“ก่อนหน้าจะมีซันซัน ล้วนแท้งมา 2 ครั้ง จากครั้งแรกทิ้งไป ประมาณ 1 ปี พอท้องอีกได้ประมาณ 5 เดือน หมอตรวจพบว่าลูก เป็นโรค Anencephaly คือกะโหลกศีรษะพัฒนาไม่สมบูรณ์ ตอนแรก ตั้งใจเก็บเขาไว้ แต่พอเสิร์ชข้อมูล พบว่าเมื่อไม่มีกะโหลกศีรษะ สมองจะโดนกดทับด้วยน้ำคร่ำตลอดเวลา โอกาสรอดชีวิตมีน้อยมาก บางคนคลอดมาอยู่ได้แค่ 10 – 20 นาทีก็จากไป จึงตัดสินใจไม่เก็บไว้ ครั้งนั้นจึงเป็นครั้งที่ 2 ที่เราทำหน้าที่แม่ได้ไม่สมบูรณ์ แค่ให้เขาเกิดยังทำไม่ได้เลย แม่คนอื่นคลอดแล้วมีลูกให้เลี้ยง แต่เราคลอดลูกก็ไม่อยู่ทันที ยังจำภาพที่หมออุ้มมาให้ได้เลยว่าเป็นเด็กผู้ชาย นอนหลับตาพริ้ม ตัวใส ตัวเขาเล็กเท่าฝ่ามือล้วน ที่ศีรษะเห็นเนื้อสมองแดงๆ บอกลูกว่าหากเราทำบุญมาด้วยกัน ขอให้มาเกิดเป็นแม่ลูกกันอีกนะ
“ถึงอย่างไรผู้ใหญ่ของครอบครัวล้วนและสามี(จีระ หล่อวัฒนกิจชัย)ก็อยากมีหลาน หมอแนะนำให้ฉีดน้ำเชื้อทำกิฟต์ ตอนนั้นจากผู้หญิงทำงานที่แอ๊คทีฟตลอดเวลา ล้วนยอมนอนอยู่บ้านเฉยๆ ตามหมอสั่ง หลายวันเข้าก็เริ่มอึดอัด เราไม่ใช่คนป่วย ต้องอยู่เฉยขนาดนี้เลยหรือ หนำซ้ำพอไปตรวจก็ไม่สำเร็จ ฉีดซ้ำก็ไม่สำเร็จอีก บอกสามีว่าปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเถอะ แล้วขับรถไปเที่ยวเชียงใหม่กัน กลับมา ประจำเดือนขาด พอซื้อแผ่นทดสอบการตั้งครรภ์มาตรวจ ปรากฏว่าท้อง แต่ความที่มีประวัติการแท้งมา 2 ครั้ง หมอจึงขออัลตร้าซาวนด์ทุกเดือน ผลเป็นปกติมาตลอด แต่พอใกล้คลอด ตรวจอัลตราซาวนด์สี่มิติพบว่าจากปกติรกมี 3 เส้น ของล้วนมี 2 เส้น น้ำหนักลูกจึงไม่ขึ้น พยายามโด๊ปเต็มที่ ทั้งที่ไม่ชอบปลา พยายามทานปลาตัวย่อมๆ ให้ได้วันละตัว แต่ก็ยังส่งไปไม่ถึงลูก หมอสันนิษฐานว่ารกเสื่อม นอกจากอาหาร ออกซิเจนก็อาจส่งไปไม่ถึง เพราะฉะนั้นล้วนต้องนับจำนวนครั้งที่ลูกดิ้นด้วย ทำให้ยิ่งใกล้คลอดยิ่งวิตกจริต “แล้ววันนั้นก็มาถึง ลูกไม่ดิ้น ล้วนเขย่าท้องทั้งคืนแต่ก็เงียบ พอเช้าถึงค่อยดิ้น ล้วนปรึกษาหมอว่าหากเป็นอย่างนี้ทุกคืนสุขภาพคงแย่ จึงตัดสินใจผ่าคลอดก่อนกำหนดประมาณ 2-3 วัน ตัวเขาเล็กมาก น้ำหนักแค่ 1,890 กรัม ต้องอยู่ในตู้อบ หมอแจ้งว่ากล้ามเนื้อที่หน้า ทำงานไม่สมดุลกัน และเพดานอ่อนที่อยู่ติดกับลิ้นโหว่ ซึ่งรักษาไม่หาย เพราะลำพังแค่ทำศัลยกรรมให้ยิ้มได้ก็ต้องใช้เส้นประสาทที่นิ้วก้อยเท้ามาเชื่อมต่อ ใช้เวลาในการผ่าตัด 6 ชั่วโมง ปลูกถ่ายเส้นประสาทก่อน เราคิดว่าการดมยาสลบคงไม่ดีต่อเด็กอ่อนขนาดนั้น รอเขาโตก่อนค่อยทำศัลยกรรม ระหว่างนั้นก็กระวนกระวายใจ ทำไมเขาไม่พาลูกมาให้เราให้นม ให้สามีไปถ่ายรูปลูก ภาพแรกที่เห็นก็แปลกใจว่าทำไมต้องมีสายใส่เข้าไปในจมูก หมอบอกแต่เพียงว่าเขายังดูดกลืนนมเองไม่ได้
“ก่อนกลับบ้านพยาบาลสอนวิธีการนวดลิ้น นวดกระพุ้งแก้ม นวดหน้า เพื่อกระตุ้นการกลืน พอกลับบ้านจึงรู้ความจริง ความที่หน้าลูกไม่สมดุลจึงไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อหน้าเพื่อดูดนมได้ ความยากอยู่ที่ต้องใช้ซิรินจ์ ช้อน หรือดร็อปเปอร์ป้อนนมลูก โดยตั้งคอลูกขึ้น หยดนมใส่ปากทีละหยด ต้องระวังไม่ให้สำลัก เพราะเพดานอ่อนโหว่ ไม่เช่นนั้นอาจติดเชื้อที่ปอด จากเด็กปกติใช้เวลากินนมแค่ 10 นาที แต่ ซันซันใช้เวลาครั้งละ 1 ชั่วโมง ขณะเดียวกันล้วนต้องปั๊มนมเพื่อเตรียม ป้อนรอบต่อไปในอีก 2 ชั่วโมง สลับกับสามี เรียกว่าไม่ได้นอนเลย
“ระหว่างนั้นเราสังเกตพัฒนาการเขาว่าทำไมลูกยังชันคอไม่ได้ ตัวอ่อนปวกเปียก จึงพาไปฝึกกายภาพที่โรงพยาบาล ตื่นตั้งแต่ตี 5 จัดเตรียมทุกอย่าง ตั้งแต่น้ำแข็งแช่นม เครื่องปั๊มนม ของใช้ลูก ออกจากบ้านหกโมง ไปถึงโรงพยาบาล สามีไปหาที่จอดรถ ล้วนอุ้มลูกพร้อมสัมภาระลงไปยื่นบัตรคิว แล้วรอที่ห้องกายภาพ กว่าจะได้ทำกายภาพก็สายมาก ลูกง่วงนอน เราคัดนมต้องไปปั๊มนม บางทีต้องไปปั๊มนมใน ห้องน้ำ วันไหนที่พบหลายหมอต้องอุ้มลูกกระเตงสัมภาระขึ้น-ลงลิฟต์ หลายรอบ พอได้ยินหมอฟันธงว่าเขามีปัญหาทางการได้ยิน ความเหนื่อยทั้งหมดทำให้จิตตก ที่เราคุยกับเขามาตลอดตั้งแต่อยู่ในท้องกลายเป็นว่า ลูกไม่ได้ยินเสียงเราเลย แล้วจะคุยกันอย่างไร หรือหากเขาอยากได้อะไร จะบอกเราอย่างไร ล้วนกลับถึงบ้านกอดลูกร้องไห้ เชื่อไหม เขายกมือ น้อยๆ มาเช็ดน้ำตาให้เรา ล้วนรู้สึกผิดมาก ไม่น่าร้องไห้ให้ลูกเห็นเลย ลูกคงเสียใจที่เขาเกิดมาทำให้แม่เหนื่อย จากนั้นตั้งปณิธานเลยว่าจะไม่ร้องไห้อีก บอกลูกว่าเราจะสู้ไปด้วยกัน”
‘เราจะสู้ไปด้วยกัน’ คำที่สร้างความรู้สึกฮึกเหิม ทรงพลัง ทว่าในความเป็น ‘แม่’ ที่ต้องเห็นความเจ็บปวดของลูกทุกโมงยาม จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะก้าวข้ามภาวะทุกข์ตรมนี้ไปได้
ติดตามเรื่องของคุณแม่นักสู้ และหนูน้อยซันซัน ได้ในตอนหน้า… ไม่เคยคิดโทษ เวรกรรม แม้ ‘ซันซัน’ ลูกฉันจะไม่เหมือนใคร (ตอนจบ)
เรื่อง : แดนเจอร์
ภาพ : โยธา รัตนเจริญโชค
The post ไม่เคยคิดโทษ เวรกรรม แม้ ‘ซันซัน’ ลูกฉันจะไม่เหมือนใคร (ตอน 1) appeared first on แพรวดอทคอม.