ย้อนไปเมื่อ 2 ปีก่อนนักร้องหนุ่ม ‘แอมมี่-ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์’ เคยโดนกระแสข่าวโหมกระหน่ำอย่างหนัก จนหายเงียบไปพักใหญ่ วันนี้เขากลับมาอีกครั้งพร้อมผลงานเพลง ‘เก็บรัก’ ซิงเกิ้ลที่มียอดวิวในยูทูปถึงสามสิบกว่าล้านวิว แต่ยังมีคำถามมากมายที่หลายคนค้างคา และไม่เคยได้คำตอบ วันนี้เขาจะขอเคลียร์ทุกประเด็น
ช่วงที่ห่างหายจากวงการเพลงนานถึง 2 ปี แอมมี่ทำอะไรอยู่คะ
ทำเพลงอังกฤษแล้วให้เพื่อนฝรั่งช่วยเกลาภาษาอีกทีหนึ่ง เพื่อไปขายที่นิวยอร์ก แล้วก็ไปเล่นดนตรีเปิดหมวกที่อังกฤษ เหมือนเป็นโปรเจ็คท์ทดลอง ต้องแบกกระเป๋าใส่ซีดีหนักมากขึ้นรถไฟใต้ดินไปวางขายตามสถานที่ต่างๆ แล้วบางที่เดินไกลมาก แอบเหนื่อยเหมือนกัน ปัญหาเยอะ บางทีก็โดนไล่ วิ่งหนีตำรวจ แต่ทั้งหมดนี้ช่วยฝึกความอดทนไปในตัว เพราะเมื่อก่อนสมัยออกอัลบั้มชุดแรก พอไปเล่นตามร้านแล้วไม่มีคนสนใจผมก็จะนอยด์ หรือไปเจอสถานที่ที่ไม่ค่อยโปรโมทเรา มีคนดูอยู่แค่ 6 คน ก็ไม่อยากเล่น แต่พอไปที่โน่นยืนเล่นริมถนน ไม่มีใครฟังเราก็ต้องเล่น กลับมารอบนี้เลยรู้สึกว่าสามารถเล่นได้หมดทุกที่ ไม่จำเป็นต้องสนใจอะไร ข้างล่างเวทีไม่มีผลอะไรกับผมแล้ว รวมๆ จึงรู้สึกว่าแข็งแรงขึ้น อดทนมากขึ้น
แล้วตอนนี้แอมมี่มีผลงานเพลงอะไรบ้างคะ
ตอนนี้อยู่ในช่วงโปรโมทซิงเกิ้ลใหม่ ชื่อเพลงว่า ‘เก็บรัก’ เป็นซิงเกิ้ลเดี่ยวซิงเกิ้ลแรก หลังจากที่ไม่ได้ออกเพลงมานาน 2 ปี คือตอนนี้ผมอายุ 27 ปี มองไปรอบข้างเห็นนักดนตรีที่ทำเพลงสู้กันมาตั้งแต่สมัยยุคเพลงใต้ดิน มาตอนนี้หลายคนถอดใจแล้ว บางคนขายของ บางคนทำงานประจำ เพราะมาถึงยุคที่เป็นไปได้ยากแล้ว ถ้าไม่ใช่พี่ปั๊ป โปเตโต้ หรือพี่ตูน บอดี้สแลม บอกเลยว่าไม่ได้กลับมาง่ายๆ ตอนนี้ต้องเบอร์ใหญ่เท่านั้น ถึงจะอยู่ได้แบบพอกินพอใช้ ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าพอทำเพลงออกมาแล้วจะยังอยู่ในกระแส มีคนตอบรับดี แฮปปี้มากครับ
ผมไม่ได้นับตัวเองว่าเป็นอินดี้ขนาดนั้น ถ้าเราจะเรียกตัวเองว่าเป็นอินดี้จริงๆ ต้องออกเงินทำเองทุกอย่าง แต่ผมยังอยู่ในสังกัด GMM ที่คนอาจจะมองว่าเราอยู่ในกลุ่มนั้น เพราะผมถูกตามใจทั้งสไตล์การแต่งตัว การทำเพลง ซึ่งเป็นตัวเอง 100% แต่ค่ายลงทุนให้ ตอนนี้ยอมรับว่าอยู่ได้ด้วยเงินเดือนจากทางค่าย บวกกับงานอีเว้นท์ และงานถ่ายแบบ แต่มีเกณฑ์ไว้เหมือนกันว่าถ้าอายุ 30 ปีแล้วยังไม่คืบหน้าก็คงต้องไปทำอย่างอื่นแล้ว
พักเรื่องเพลงมาพูดถึงพาร์ทคุณพ่อบ้าง กับลูกสาวคนนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ
ผมจะไปรับได้วันศุกร์-อาทิตย์ ก็เล่นด้วยกันทุกอย่าง โดยเฉพาะพาร์ทของดนตรี ศิลปะ พยายามจะใช้เวลายู่กับเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่ไหว แล้วก็พยายามจะดุมากขึ้น เพราะตอนนี้เขาเอาแต่ใจมากๆ ธรรมชาติของเขาไม่เหมือนกับเด็กทั่วไป เวลาออกงานก็มีคนมารุมขอถ่ายรูป คือมีแต่คนเอาใจ อยากให้เขาอารมณ์ดีก็ต้องซื้อขนม ซื้อของเล่นให้ คือมีคนห้อมล้อมลาลาเบลเยอะ ถ้าเขาไม่พอใจผม ก็จะไปหาคนอื่น เขารู้ว่ามีคนโอ๋ ดังนั้นเลยต้องโหดขึ้นมาหน่อย จริงๆ เขาทำให้ผมเปลี่ยนไปเยอะนะ ใจเย็นมากขึ้น เห็นแก่ตัวน้อยลง ปกติผมจะค่อนข้างบ้างาน กลับมาบ้านก็ยังคิดโน่นคิดนี่ตลอด แต่พอมีลาลาเบล เราตัดทุกอย่างได้เพื่ออยู่กับเขา
ได้คุยหรือปรึกษากับไอด้าบ้างหรือเปล่าคะ
มีอะไรหลายๆ อย่างที่เราต้องทำร่วมกันอย่างเรื่องที่สอนให้เขาพูดขอโทษ หรือนั่งคาร์ซีทของเด็ก คือถ้าเราทำอยู่ฝ่ายเดียวเด็กก็จะไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ดังนั้นจึงต้องมีการคุยกันว่าทางไอด้าต้องให้ความร่วมมือด้วย เราจึงต้องแทคทีมกันดุ ห้ามใจอ่อน ส่วนเรื่องที่ว่าเขาจะคบกับใครนั้น ผมไม่อยากไปพูดอะไร เพราะถ้าพูดก็เหมือนว่ายังมีความรู้สึกอะไรแล้วจะยิ่งทำให้ฝั่งโน้นไม่สบายใจ ส่วนมากเขาจะเป็นคนมาปรึกษาเองมากกว่า เอาจริงๆ ผมไม่เคยเข้าไปส่องไอจีหรือดูข่าวอะไรเกี่ยวกับเขาเลยนะ อาจยังไม่พร้อมที่จะเข้าไปดู ขนาดข่าวที่เขาคบกับใครผมก็รู้หลังคนอื่นเป็นเดือน ก็ต้องรู้สึกเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่อยากจะกลับไป
หรืออย่างตอนที่เขามาอวยพรวันเกิดผมในไอจี ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคิดอะไรอยู่ (หัวเราะ) ยอมรับว่าบางทีก็แอบคิดเหมือนกันว่าเรารู้จักคนๆ นี้น้อยไปหรือเปล่า ความคิดจริงๆ ของเขาคืออะไร เขามีจุดประสงค์อะไร ซึ่งแตกย่อยไปได้อีกหลายเรื่อง แต่ผมไม่อยากมองเขาในแง่ร้าย ผมเป็นพวกขออยู่เงียบๆ ดีกว่า อย่างตอนที่เป็นข่าวผมไม่เคยออกมาสู้กับเขา เพราะจะเกิดผลเสียกับลูกได้ ก็เป็นสิทธิ์ของเขาอยากทำอะไรก็ทำ ผมยินดีที่จะเป็นที่สนใจของสังคม ไม่ได้รู้สึกแอนตี้อะไร ใครจะเกลียดผมคงห้ามไม่ได้ เมื่อก่อนเคยคิดว่าแย่มากที่อยู่ดีๆ ก็ถูกคนเกลียด เพราะการชี้นำของคนในโลกโซเซียลที่แห่ตามกัน แต่ก็มีบางคนที่เข้าใจว่าคนเราไม่มีใครเพอร์เฟ็คท์ แล้วเขาก็ยังรักแล้วตามมาซัพพอร์ทผมจนถึงทุกวันนี้ ทำให้ผมเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างกันมากขึ้น เป็นการคัดกรองคนที่จริงใจกับเราเหมือนกันนะ บางคนก็ไม่สนใจอะไรเลย ฟังแต่เพลงผมอย่างเดียว
ช่วงที่เจอกระแสข่าวโจมตีหนักๆ แอมมี่ผ่านจุดนั้นมาได้อย่างไรคะ
ข่าวก็คือข่าว แรกๆ ผมก็มีอารมณ์ อยากออกมาตอบโต้ อยากออกมาแฉเหมือนกัน แต่โชคดีที่อยู่ในค่ายเพลงที่มีกุนซือดีคอยให้คำปรึกษา บอกว่าถ้าผ่านจุดนี้ไปได้เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้นเอง ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เดี๋ยวนี้แทบไม่มีใครพูดถึงเรื่องนั้นเลย ผมก็ก้มหน้าก้มตาทำงาน และโฟกัสที่ลูกอย่างเดียว ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ ผมดำเนินชีวิตโดยที่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรแต่ สิ่งที่เปลี่ยนคือ ความคิด คนที่เคยปลอมอินสตราแกรมขึ้นมาบอกว่าเป็นมือที่สามแล้วเข้ามาด่าผมแรงๆ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นร้านค้าไปแล้ว คือสุดยอดของความเลว เป็นกลุ่มคนที่ผมไม่อยากสัมผัส
จริงๆ มีครั้งเดียวที่ผมตอบโต้กลับไปแบบไร้สติคือเขาเข้ามาด่าว่าทำตัวแบบนี้ ถ้าลูกโต
คงเกลียด ผมเลยด่ากลับไป กลายเป็นเรื่องไม่จบ ถือเป็นบทเรียนที่ผมจำไว้เลยว่าจะไม่มีวันทำแบบนั้นอีก เพราะพอมานั่งคิด ที่ผมสวนกลับไป เพราะเป็นสิ่งที่เรากลัวอยู่ลึกๆ แล้วมีคนมาพูดแทงใจดำหรือเปล่า ทุกวันนี้คำพูดนั้น ยังหลอกหลอนผมอยู่เลย
แต่สุดท้ายเรื่องก็จบลงด้วยดีนะคะ
ไอด้าเคยมาขอโทษกับสิ่งที่เขาทำลงไป จริงๆ ก็มีความรู้สึกผิดด้วยกันทั้งคู่ พอเรื่องเย็นลงต่างคนต่างก็ช่วยซัพพอร์ทซึ่งกันละกัน เพราะเขามองว่ายังไงผมก็เป็นพ่อของลูก หรือคนรอบตัวเขาที่เมื่อก่อนเคยเกลียด มาตอนนี้ก็ยังโหลดเพลงผมฟังเลย
แล้วเรื่องหัวใจตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ
มุมมองความรักของผมตอนนี้มี 2 อย่างคือ ไม่โตขึ้น ก็เย็นชาลง คงต้องวัดกันในระยะยาว เพราะยังไม่เจอใครที่ใช่ขนาดนั้น ผมรู้สึกว่าต้องคัดมากขึ้น แค่เข้ากับเราได้ไม่พอแล้ว ต้องสามารถอยู่ได้ทั้งกับผมและลาลาเบล มีความเป็นผู้ใหญ่ มีหัวคิด จริงๆ ถ้าเจอก็รู้เองว่าคนไหนเวิร์คไม่เวิร์ค ณ ตอนนี้ผมอยากโฟกัสไปที่ลูกมากกว่า
ถึงครอบครัวไม่สมบูรณ์แบบ แต่เราทำให้ลูกเติบโตขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบได้ครับ (ยิ้ม)
เรื่อง : apinya
ภาพ : ภฑิล อัครเดชวิชิต

The post เปลือยหัวใจคุณพ่ออินดี้ ‘แอมมี่-ไชยอมร’ อดีตคือบทเรียน ปัจจุบันขอมีแค่ ‘ลัลลาเบล’ appeared first on แพรวดอทคอม.